เหตุ แห่ง การหลุดพ้น


พุทธศาสนาสอนเรื่องต่างๆล้วนมีเหตุ มีปัจจัย ไม่มีเรื่องที่เกิดเองลอยๆ แม้แต่คนบ้ายิงลูกศรยังเป็นเหตุอันหนึ่งที่เกิดผลตามมา แม้ไม่ได้ตั้งใจ ตั้งความหวัง หรือกำหนดเป้าหมายใดๆ และพุทธศาสนาสอนเรื่องสิ่งที่มีอยู่เองเช่นธาตุ ดินน้ำลมไฟที่ประกอบเป็นกายนี้ขึ้นมา และทางฝ่ายใจยังมีธรรมต่างๆอีกมากมายเช่นความโกรธ ความโลภ ความรัก ความชัง ความขยัน ความเพียร ความง่วง ความเกียจคร้าน และที่เรียกว่านิพพาน แต่สิ่งสำคัญที่แตกต่างจากศาสนาอื่นๆอย่างมากคือความไม่มีตัวไม่มีตน มีแต่อุปทานและก็เป็นตัวทุกข์ขึ้นมา

เหมือนกับจะบอกว่าทุกอย่างมีอยู่เป็นอยู่อย่างนั้นถ้าไม่รู้เท่าทันเกิดอุปทานไปจับไปแบกไปรับเข้าก็มีการเกิด มีทุกข์ขึ้นถ้าไม่ไปจับไปแบกก็ไม่เกิด ไม่ทุกข์

เมื่อเกิดอุปทานไปแล้วตั้งแต่เล็กจนโตก็สะสมตัวตนไว้เสมอ แสดงความเป็นเจ้าของตัวตน สิ่งของ คนอื่น อะไรอยู่เสมอบ่อยมากจนแทบทุกลมหายใจเข้าออก จนเชื่อตามเป็นตัวเป็นตนว่าตนเองมีอยู่ เป็นอยู่ เคยมีในอดีต และจะมีต่อไปอีกเช่นนั้น ก็จะไม่เข้าใจว่าเรื่องจริงที่พระพุทธเจ้าบอกไว้เป็นอย่างไรในความไม่มีตัวตน
การจะหลุดพ้นที่เรียกว่าวิมุตตินั้นก็ต้องมีการเรียนรู้ทำความเข้าใจศึกษา เป็นเหตุให้มีการหลุดพ้นขึ้นในพระสูตรที่นำมานี้ชี้ทางไว้5ทางที่จะทำให้หลุดพ้น ซึ่งผู้ปฎิบัติที่มีการเตรียมจิตไม่ประมาท มีความเพียรอยู่ อาศัยทางนี้ก็จะเป็นไปได้ตามที่ระบุไว้ในพระไตรปิฎก
1. เมื่อมีผู้แสดงธรรมให้ฟังแล้วเข้าใจ ก็เกิดปราโมทย์ ปิติ สุข จิตตั้งมั่น หลุดพ้นในที่สุด
2. เมื่อเป็นผู้แสดงธรรมอย่างละเอียดแสดงธรรมแล้วเข้าใจ ก็เกิดปราโมทย์ ปิติ สุข จิตตั้งมั่น หลุดพ้นในที่สุด
3. เมื่อท่องทบทวนอย่างอย่างละเอียดทบทวนแล้วเข้าใจ ก็เกิดปราโมทย์ ปิติ สุข จิตตั้งมั่น หลุดพ้นในที่สุด
4. เมื่อตรึกตรองไคร่ครวญอย่างอย่างละเอียดแล้วเข้าใจ ก็เกิดปราโมทย์ ปิติ สุข จิตตั้งมั่น หลุดพ้นในที่สุด
5. เมื่อสมาธินิมิตอย่างใดอย่างหนึ่ง เธอเล่าเรียนมาด้วยดี ทำไว้ในใจด้วยดี ทรงไว้ด้วยดี แทงตลอดด้วยดี ด้วยปัญญา เธอย่อมเข้าใจอรรถ เข้าใจธรรมในธรรมนั้น แล้วเข้าใจ ก็เกิดปราโมทย์ ปิติ สุข จิตตั้งมั่น หลุดพ้นในที่สุด

พระสูตรนี้ยืนยันว่าผู้เรียนรู้จนเข้าใจในธรรมแล้วตั้งความเพียร ลงมือปฎิบัติมีการเตรียมจิตไม่ประมาท ก็จะสามารถเข้าวิมุตติโดยการเรียนการฟังการทบทวนการตรึกตรองได้เช่นกัน


@นั่งเก้าอี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น