ทรัพย์ หา ประโยชน์ จาก ทรัพย์ ตามแบบ พุทธ


การหาเงินทองเป็นเรื่องปกติของคนทั่วไป เป็นภาระใหญ่ของผู้ครองเรือนทั้งหลาย การขาดเงินทองนำมาอีกหลายเรื่อง หลายครั้งชีวิตคู่ หรือ ครอบครัวประสพปัญหา ความสัมพันธ์ของมนุษย์ก็เกี่ยวข้องขึ้น ลงตามความเปลี่ยนแปลงของเงินทองที่หามาได้ การพิสูจน์ความเป็นมิตรแท้ก็มีเรื่องเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้อง

เคยคิดเสมอเวลาเดินอยู่ในตลาด หรือเวลารถติด ว่าผู้คนรอบตัวซึ่งเป็นผู้ครองเรื่อนทั้งหลายมีใครไหมไม่มีปัญหาในการหาเงินเลึ้ยงชีวิตเลย กิจกรรมในชีวิตประจำวันต้องเกี่ยวข้องกับการหาเงินไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ความยากง่ายในการหาเงินในความเชื่อเรีองบุญกรรมก็บอกว่าความพยายามของคนเราไม่เท่ากันเลยกว่าจะได้เงินมาสักก้อน ผู้บริหารใช้เวลาความคิดไม่มากนัก ในสภาวะที่เหมาะสมก็สามารถสร้างเม็ดเงินขึ้นมาในบัญชีได้หลายร้อยหลายพันเท่าเมื่อเทียบกับอาชีพรับจ้างเท่าไป

สำหรับเงินที่ได้มาแล้วถ้าพิจารณาไว้ดีแล้ววางไว้ถูกที่ก็จะเพิ่มพูนขึ้นมาเองโดยไม่ต้องใช้ความเหนื่อยยากแสวงหาใด และเมื่อถึงเวลาก็สูญเสียไปอย่างไม่น่าเชื่อเช่นกัน
ลาภต่างๆที่ได้มาก็ล้วนเกิดจากบุญกรรมเก่าใหม่ที่สร้างมา

จาก http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=22&A=1001&Z=1054

พระสูตรบทนี้ พูดถึงทรัพย์ที่หามาได้แล้วควรนำมาใช้เพื่อเป็นประโยชน์อะไรจึงจะเรียกว่าเป็นไปโดยธรรมของพระอริยะ ไม่ว่าทรัพย์จะเสื่อมหรือเพิ่มพูนจากการใช้ทรัพย์นี้ก็ถือว่าได้ใช้ทรัพย์ที่หามาได้โดยชอบธรรมด้วยความหมั่นความขยันอาบเหงือนี้อย่างเป็นประโยชน์ ในท้ายพระสูตรได้สรุปโดยย่อไว้ชัดเจนดังนี้

                          นรชนเมื่อคำนึงถึงเหตุนี้ว่า เราได้ใช้จ่ายโภคทรัพย์เลี้ยงตน
                          แล้ว ได้ใช้จ่ายโภคทรัพย์เลี้ยงคนที่ควรเลี้ยงแล้ว ได้ผ่านพ้น
                          ภัยที่เกิดขึ้นแล้ว ได้ให้ทักษิณาอันมีผลสูงเลิศแล้ว ได้ทำ
                          พลี ๕ ประการแล้ว และได้บำรุงท่านผู้มีศีล สำรวมอินทรีย์
                          ประพฤติพรหมจรรย์แล้ว บัณฑิตผู้อยู่ครองเรือน พึงปรารถนา
                          โภคทรัพย์ เพื่อประโยชน์ใด ประโยชน์นั้น เราก็ได้บรรลุ
                          แล้ว เราได้ทำสิ่งที่ไม่ต้องเดือดร้อนแล้ว ดังนี้ชื่อว่าเป็นผู้
                          ดำรงอยู่ในธรรมของพระอริยะ บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญ
                          เขาในโลกนี้ เมื่อเขาละจากโลกนี้ไปแล้ว ย่อมบันเทิงใจใน
                          สวรรค์ ฯ

ในพระสูตรกล่าวไว้น่าสนใจว่านำทรัพย์มาเลี้ยงดูครอบครัว บิดามารดา บุตรภรรยา บริวาร มิตร และต้องใช้ประโยชน์เพื่อการป้องกันทรัพย์นี้ด้วย อีกทั้งยังต้องมีการบำรุงราชการ ช่วยชาติด้วย ผู้อ่านคงนึกไม่ถึงว่าในพระไตรปิฎกพูดถึงการใช้ทรัพย์ในศัพธ์ปัจจุบันก็คือการเสียภาษีด้วย สิ่งนี้พระพุทธเจ้ายังสอนไว้เมื่อว่าสองพันปีมาแล้ว

เรามีความยากในการหาทรัพย์และเมื่อหามาได้การใช้ทรัพย์ที่เป็นประโยชน์ต่อตนและผู้อื่น   ก็ควรศึกษาเช่นกัน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น