นักรบ 5 ประเภท เปรียบเทียบ นักรบ ธรรม



เธอถูกมาตุคามนั่งทับ นอนทับ ข่มขืนอยู่ ไม่พัวพัน ปลดเปลื้อง หลีกออกได้ แล้วหลีกไปตามความประสงค์ข้อความเปรียบเทียบการเป็นนักรบธรรมที่ต้องเผชิญศึกเอาชนะกาม โดยเทียบกับนักรบอาชีพในสมัยนั้นที่ต้องออกรบด้วยหอกดาบ การเอาชนะขวัญกำลังใจของข้าศึกในเบื้องต้นด้วย การทำให้ข้าศึกเห็นสัมผัสด้วยอายตนะความเข้มแข็งยิ่งใหญ่หรือความโหดเหี้ยมของฝ่ายตรงข้ามคงเป็นยุทธวิธีหนึ่งก่อนจะรบกันจริง ใครที่เรียนหรืออ่านเล่ห์ในการศึกก็คงเข้าใจในเรื่องนี้ดี


พระสูตรนี้ทำให้เข้าใจว่าบ้านเมืองสมัยนั้นก็ไม่ได้สงบสุขนักยังมีการรบการสงครามกันอยู่ ไม่แตกต่างจากสมัยนี้แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่พระพุทธเจ้ากำลังชี้ทางสว่างพ้นทุกข์แก่ชาวโลก แตกต่างจากสมัยนี้คงเป็นเพียงวิธีการต่อสู้และอาวุธที่ใช้


ผู้เขียนอ่านและจินตนาการเอาเองว่าในสมัยโบราณ เมื่อสองทัพใหญ่มาใกล้กันการมองเห็นจำนวนของคู่ศึกคงจะดูได้จากฝุ่นฟุ้งขึ้นไกลในขณะเดินทัพ ฝุ่นมากก็คงแปลว่ามีจำนวนมาก พวกที่มีน้อยกว่าก็คงจะเสียขวัญกันบ้าง นักรบสมัยก่อนใช้อาวุธแค่หอกดาบ เอาชนะได้หนึ่งต่อสองต่อสามคงเป็นเรื่องยากจำนวนของข้าศึกจึงจะเป็นประเด็นสำคัญทีเดียว
นักรบอาชีพประเภพแรก แค่เห็นฝุ่นก็ไม่คิดจะสู้เหมือนภิกษุที่แค่ได้ยินข่าวว่ามีสาวงามที่ใดก็อยากไปเห็นไปดูอยากสึกแล้วทั้งที่ยังไม่เห็นข้าศึกหรือสาวงามที่ว่าเลย


การเห็นธงของข้าศึกแล้วเกรงกลัว อาจจะไม่เพียงแต่เห็นจำนวนธงที่มากกว่าแต่ยังคงบ่งบอกว่ากำลังจะสู้ศึกกับใคร ธรรมดาชื่อเสียงของกองทัพหนึ่งอาจมาจากความโหดเหี้ยม เข้มแข็ง ความรุนแรงของการรบ หรือประวัติการเอาชนะได้บ่อยครั้งของกองทัพนั้นคงไม่ต่างจากสถิติการรบ แต่ในสมัยโบราณ
ข่าวสารจากการบอกเล่าอาจขยายความจนกลายเป็นเรื่องเกินจริงได้เสมอ ความน่ากลัวจากการเห็นธงรบของฝ่ายตรงข้ามก็อาจทำลายขวัญจนไม่เป็นอันทำการรบจริง
นักรบประเภทที่สองนี้แค่เห็นธงรบของข้าศึกก็กลัวแล้วไม่เป็นอันรบเหมือนกัน เหมือนภิกษุที่คราวนี้เห็นรูปสาวงามเกิดหลงไหลก็ยอมสึกออกมาแล้ว

เมื่อกองทัพเคลื่อนมาใกล้กัน คราวนี้การมองเห็นในระยะใกล้ก็คงจะเริ่มยืนยันความจริงที่ว่าจำนวนข้าศึกเป็นเท่าใด เมื่ออยู่ใกล้กันการส่งเสียงอืออึง การสร้างเสียงกึกก้องข่มขวัญคงเป็นเรื่องปกติที่จะใช้ทำลายขวัญของศัตรูแท้จริงการรบแม้ยังไม่เกิดแต่การข่มขวัญทำให้ยอมแพ้ก็ช่วยให้ไม่ต้องรบให้เปลืองกำลังผู้คนได้
นักรบประเภทนี้ที่อยู่ในกองทัพมาจนถึงจะทำศึกกันแล้วพอได้ยินเสียงก็เกิดกลัวไม่คิดสู้ เปรียบกับภิกษุที่พอได้คุย ได้ถูกเร้าด้วยเสียงของหญิงสาวก็แพ้ไป

สุดท้ายเมื่อลงมือทำศึกกันจริงจังคราวนี้จึงจะบอกฝีมือความเข้มแข็งวินัยและกลศึกกัน นักรบที่ฝึกมาไม่ดีทั้งในทางส่วนตัวและการทำงานเป็นกลมเกลียวก็จะแสดงผลออกมาทำให้พ่ายแพ้ในการศึกได้ง่าย การรบนี้แม้มีกำลังกล้าหาญแต่เมื่อเอาชนะไม่ได้  ถ้ารอดชีวิตไปก็เรียนรู้กลับมาลองคราวหน้า หรือไม่ก็ตายในที่รบ
กลุ่มนี้เป็นนักรบอาชีพที่ได้เข้าไปสู้จริงแต่แพ้เพราะสู้กับรสสัมผัส การเข้าเสพจริงๆก็ยอมแล้วสู้ไม่ไหว สังเกตว่าแม้ถูกกระทำโดยการถูกข่มขืนแล้วเกิดฝักไฝ่เข้าไปก็ถือว่าแพ้

นักรบอาชีพที่เข้าสงครามจนเอาชนะเหล่าข้าศึกทั้งหลาย มีชีวิตรอดกลับมาจากสงครามคงจะเป็นนักรบกลุ่มเดียวที่เปรียบเทียบกับนักรบธรรม ที่สามารถฟันฝ่าเอาชนะกิเลส กาม ทั้งหลายแม้จนถูกข่มขืนก็ไม่ยอมแพ้ ปล่อยให้ถูกกิเลสครอบงำ
ภิกษุกลุ่มนี้คงต้องฝึกตนมาอย่างดีแน่ๆที่เอาชนะรสสัมผัส การเสพกามได้ พยายามหลีกเร้นไป ไม่ติดตามต่อ ไม่ไปหลงใหลด้วย คงหาไม่ได้ง่ายๆ ที่น่าสนใจคือบุคคลเหล่านี้มีอยู่ปะปนในกองทัพธรรมหรือเหล่าภิกษุทั้งหลายด้วยคำยืนยันที่ว่า
เรากล่าวบุคคลนี้เปรียบฉันนั้น บุคคลบางคนแม้เช่นนี้ก็มีอยู่ นี้คือบุคคล
ผู้เปรียบด้วยนักรบอาชีพจำพวกที่ ๕ มีปรากฏอยู่ในพวกภิกษุ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
บุคคลผู้เปรียบด้วยนักรบอาชีพ ๕ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในพวกภิกษุ
บ้างที่เราที่เป็นชาวบ้านก็ต้องยอมรับว่าพระที่เรากราบไหว้อยู่เป็นภิกษุนักรบธรรมประเภทใดประเภทหนึ่งใน 5 ประเภทที่ไม่ใช่ทุกประเภทจะเอาชนะสงครามได้ แต่ก็เป็นนักรบธรรมที่ยังตั้งความเพียรด้วยการรักษาศีล สมาธิ ภาวนา ยังเป็นเนื้อนาบุญที่สมควรแก่การทำบุญอยู่


การเปรียบเทียบเรื่องต่างๆในพระไตรปิฎกเป็นเรื่องสนุกและช่วยให้เข้าใจเนื้อหาที่ทางธรรมะได้ง่ายขึ้น ด้วยการอุปมาอุปมัยทั้งหลาย ผู้อ่านผู้เรียนที่มีประสบการณ์ตรงกันมาบ้างก็จะพอเข้าใจขึ้นยึดเป็นหลักปฎิบัติและให้กำลังใจต่อตนเองได้ง่ายอีกทั้งการอ่านการฟังเรื่องที่ตนเองพอเข้าใจ ก็จะโน้มน้าวใจให้ติดตามอ่านจนจบ


ผู้เขียนยังคงชักชวนให้เข้าไปอ่านเนื้อเรื่องจริงในพระไตรปิฎก เพราะการอ่านและตีความโดยตรงจะได้ความถูกต้องเหมาะกับแนวคิดแนวปฎิบัติของแต่ละคนมากกว่า อีกทั้งในพระไตรปิฎกยังมีส่วนที่พูดถึงสังคม ประวัติศาสตร์ การปกครอง การเมือง ปรัชญา ความเชื่อ นิทาน อ่านสนุกอย่างเรื่องนี้เป็นต้น การเปิดอ่านเพียงวันละหน้ายาวบ้างสั้นบ้างจะได้อะไรกลับมาเสมอ แม้จะมีความเชื่อว่าพระธรรมเป็นของสูงสุดในพุทธศาสนาไม่ควรแตะต้องตีความเล่น แต่ถ้าเราไม่อ่านไม่ทำความเข้าใจไม่ทบทวนในพระธรรมคำสอนที่พระพุทธเจ้าบอกไว้ว่าเป็นตัวแทนพระองค์หลังจากปรินิพพานแล้ว ไม่ยึดเป็นที่พึ่งเหมือนที่เราชาวพุทธกล่าวปฎิญานยึด พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งแล้ว จะปฎิบัติอย่างไรจึงจะเหมาะสมกับพระธรรมที่ถูกรวบรวมไว้เป็นอย่างดีในพระไตรปิฎก



@นั่งเก้าอี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น