ว่าด้วยเรื่องทุกข์ (4)


ยังอยู่กับตอนที่แล้วว่าการเกิดเป็นทุกข์ สิ่งที่น่าสนใจสำหรับชาวพุทธที่ต่างจากการมองในศาสนาอื่นก็คือการเกิดอุปทานว่าเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาเป็นตัวทุกข์ ท่านพุทธทาสใช้คำว่าตัวกูของกู เมื่อไหร่ที่มีการเกิดตัวกูแล้วทุกข์ก็อยู่ที่นั่น

แล้วจะให้เข้าใจง่ายๆด้วยความคิด จิตนาการเอาเองก็คงยาก ตัวตนมีอยู่สัมผัสอยู่ ใครมาทำอะไรให้พอใจ หรือเสียใจได้ตลอดเวลาเพราะหลงมีตัวตนรองรับอยู่

การปฎิบัติเจริญสติ ถ้าไม่หลงๆ งงๆ ไปในอดีต อนาคต ก็คงพอจะมองเห็นว่ามีการเกิด การดับ หมุนเวียนไปตลอดไม่ขาดช่วงสักที บ้างทีก็สังเกตเห็นการกระทบของสิ่งภายนอก ภายใน ทำให้เกิดการเกิดเรื่องใหม่ต่อไปอีก ถ้าไม่เจริญสติไว้ก็หลงตามไปกับเรื่องต่างๆแต่งต่อเป็นเรื่องราวใหญ่โต บ้างทีก็ติดอยู่กับเรื่องนั้นนานๆ ก็ไม่เป็นไร เป็นตัวอย่างไว้ฝึกดู แล้วก็จะเริ่มรู้จักว่ากายนี้ใจนี้เป็นอย่างไร ชอบไม่ชอบเรื่องอะไร ติดกับเรื่องอะไรได้ง่ายยากไม่เหมือนกัน

ลองปฎิบัติดูแล้วก็เข้าใจเองว่าการเกิดนี้มันสำคัญเห็นทุกข์เห็นภัยถ้าไม่ปล่อยมัน ละมันบ้าง นั่งคิดเอาเองไม่ได้เลย ต้องลองทำดู ถ้าเห็นมันเกิดเรื่องเล็กๆสักครั้งแล้วละออกได้กลับมาเจริญสติก็น่าดีใจแล้ว พอเจอเรื่องใหญ่ที่เกิดมากระทบในใจเช่นความโกรธในเรื่องเก่าผ่านมาแล้ว พอละเรื่องใหญ่ได้ (กว่าจะละได้ฝืดๆเหมือนกัน คงแล้วแต่สะสมมากน้อยต่างกัน) ก็พอจะเป็นแล้ว เรียกได้ว่าให้อภัยเป็นบ้างแล้ว

คราวหน้าเจอเรื่องเดิมอีกหรือคล้ายก้นก็ยิ้มๆพอจะรู้ทางมาทางไปแล้ว
ทีนี่ก็จะเลือกได้แล้วว่าอยากจะทุกข์เพราะการเกิดหรือเปล่า?

ดังนั้นก็เจริญสติภาวนา ไม่ว่าจะเป็นใคร เชื้อชาติ ศาสนาอะไร ถ้าได้มองเห็นจริง
สัมผัสจริงจากการปฎิบัติแล้วก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง


@นั่งเก้าอี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น