พาหิยะ อรหันต์ รวดเร็ว ฉับพลัน





พาหิยะเป็นพระอรหันต์ที่คนชอบยกตัวอย่างมากในเรื่องการบรรลุอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะคนรุ่นใหม่ใจร้อนหรือเพราะพากเพียรเจริญภาวนามามากไม่เห็นผลสักที อาจจะเคลือบด้วยความอิจฉาอยู่บ้าง ผู้เขียนเองก็รู้สึกอย่างเดียวกันแม้ไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว

พอจะเขียนเรื่องนี้ก็นึกหาจุดสำคัญอะไร ที่ผู้อ่านส่วนใหญ่ได้เห็นเนื้อหาที่แตกต่างจากทีเด็ดที่ว่าพระพุทธเจ้าหยุดยืนเทศนาระหว่างกำลังบิณฑบาตรทั้งที่ห้ามให้พาหิยะรอเวลาก่อนหลายครั้ง แต่พาหิยะก็ขอร้องจนได้ และด้วยคำตรัสสอนว่า …


ดูกรพาหิยะ เพราะเหตุนั้นแล ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเห็น จักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง


ดูกรพาหิยะ ท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล 

ดูกรพาหิยะ ในกาลใดแล เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มี ในกาลใด ท่านไม่มี ในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มีในโลกนี้ ย่อมไม่มีในโลกหน้าย่อมไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง 

นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ

…เพียงเท่านี้พาหิยะก็บรรลุอรหันต์

ผู้อ่านส่วนใหญ่ต่างชื่นชม และพิจารณาแล้วพิจารณาอีกว่าในคำตรัสสั้นๆนั้นมีอะไรซ่อนอยู่หรือจึงทำให้ได้ผลดีถึงขนาดนี้
อีกส่วนหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ประวัติก่อนของพาหิยะที่จะมาถึงชาตินี้ทำอะไรมาบ้างผลกรรมนั้นให้ผลอย่างไร เพราะถ้าเชื่อเรื่องกรรมทุกอย่างก็มีเหตุผลอยู่ แต่ต้องเชื่อเรื่องการมีชาติภพต่างๆด้วย ลองทำใจให้เชื่อเรื่องนี้ก็สนุกมาก คล้ายกับเราดูหนังเรื่องสไปเดอแมน, x-เมน, หรือยอดมนุษย์ทั้งหลาย

เรื่องนี้ผู้เขียนแนะนำให้อ่านอรรถกถาด้วยเพราะมีรสชาติและรายละเอียดดี
จาก http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=33&A=3065&Z=3155
อรรถกถา   http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33.1&i=126

พาหิยะเกิดในสามยุคของพระพุทธเจ้า ยุคแรกในสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ… ตอนนั้นพาหิยะในชื่ออื่นและฐานะอื่น ได้เห็นอรหันต์สาวกในยุคนั้นได้บรรลุอย่างฉับพลัน จึงตั้งความปรารถนาขอคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าปทุมุตตระไว้ และได้รับพยากรณ์ว่าจะเป็นเช่นนั้น พาหิยะทำบุญทำทานรักษาศีลจนชั่วอายุแล้วเกิดเป็นเทวดาในสวรรค์

จุติจากสวรรค์ในยุคต่อมาพระกัสสปพุทธเจ้า  พาหิยะกลับมาเกิดเป็นนักบวชที่ วันหนึ่งผู้นำนักบวชเห็นความเสื่อมของศาสนาพุทธในยุคนั้นก็ชวนว่า ผู้ที่ไม่อาลัยในชีวิตให้ตามขึ้นเขาไปด้วยกันบำเพ็ญเพียร จนกว่าจะบรรลุจึงจะลงมา มีผู้ตามไปรวมทั้งหมด 7 รูป ผลคือผู้นำบรรลุอรหันต์วันแรกก็ลงมาบิณฑบาตรเอาข้าวน้ำไปให้แต่พวกที่เหลือก็ไม่ยอมฉันเพราะไม่ตกลงกันไว้ วันที่2 รองผู้นำสำเร็จอนาคามีก็ทำอย่างเดียวกันพวกที่เหลืออีก 5 รูปก็ไม่ยอมฉันผลคือครบ 7 วัน ผู้นำก็นิพพานไป รองผู้นำก็ไปเกิดในพรหมโลก ที่เหลือรวมทั้งพาหิยะก็ไม่บรรลุมรรคผลอะไรมรณภาพกันหมด



จุติจากสวรรค์อีกครั้งในยุคของพระพุทธเจ้าโคดมยุคนี้  คราวนี้เป็นลูกพ่อค้านำเรือออกไปค้าขายแต่เรืออับปางลง ว่ายน้ำอยู่หลายวันรอดมาคนเดียวเสื้อผ้าหายหมดต้องเอาเปลือกไม้มาห่อตัวกันอายคนทั่วไปเห็นรอดมาคนเดียวก็น่าอัศจรรย์ แล้วยังแต่งตัวด้วยเปลือกไม้แปลกไปเลยเอาข้าวน้ำมาให้ ยกให้เป็นพระอรหันต์ พาหิยะก็ติดกับความสะดวกนั้นเรื่อยมา รองผู้นำที่สำเร็จเป็นพระอนาคามีในชาติทีแล้วเล่งเห็นเพื่อนเป็นเช่นนี้ก็ลงมาบอกเรื่องราวในอดีตด้วยความปรารถนาดีว่าพาหิยะได้มาเกิดในยุคที่มีพระพุทธเจ้านะให้รีบไปเฝ้า พาหิยะพอเข้าใจก็รีบเดินทางไปในทันทีด้วยระยะทางไกลมากเดินทางต่อเนื่องไปจนถึงที่วัดก็ไม่พบพระพุทธเจ้าถามได้ความแล้ว ตามไปจนถึงที่พระพุทธเจ้าเสด็จบิณฑบาตรออยู่    แล้วเรื่องก็จบลงด้วยการบรรลุอรหันต์ของ      พาหิยะสิ้นสุดการเดินทางอันยาวนานข้ามภพข้ามชาติ


ตอนท้ายก็มีเรื่องน่าสนใจของพระอรหันต์ ที่พระพุทธเจ้าให้บวชมักจะมีบาตร จีวร ทันทีเพราะได้ทำบุญถวายไว้บ้างแต่พระอรหันต์พาหิยะต้องไปหาเอาเพราะไม่เคยถวายเพื่อนพระสงฆ์ด้วยกัน ระหว่างไปหาผ้าก็ถูกควายขวิดนิพพานไป นี้เป็นอีกเรื่องที่มีใครหยุดพระพุทธเจ้าไว้และพระพุทธเจ้าห้ามแล้วหลายครั้งมักจะถึงเหตุสิ้นสุดสังขารลง


เรื่องนี้อ่านแล้วนอกจากสนุก  ถ้าคิดในข้อธรรมะ   ก็มีหลากหลายแง่มุม สำหรับผู้เขียนเมื่ออ่านเรื่องนี้แล้วก็พบว่าการปล่อยวาง กับการอยากเป็นอยากมีจะขวางทางกันอยู่ แม้จะเป็นความอยากที่จะพ้นทุกข์ก็ยังเป็นกิเลสทำให้เนินช้าอยู่เหมือนกัน



@นั่งเก้าอี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น