พระไตรปิฎกสูตรนี้เคยได้อ่านเรื่องเล่ามาหลายครั้งพอได้อ่านในรายละเอียดเช้านี้ก็อดไม่ได้ที่จะเขียนลงในบ้านลิวทันทีเรื่องอื่นรอก่อนได้
เรื่องนี้ค่อนข้างยาวมีคำสอนที่ละเอียดมีเนื้อหามากทั้งในแง่สังคม
ประเพณี การถือโคตร ของชาวอินเดียสมัยนั้นว่าใครสูงกว่ากันระหว่างกษัตริย์ พราหมณ์
คหบดี ทาสี
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=09&A=1920&Z=2832
เรื่องย่อเริ่มจาก พราหมณ์โปกขรสาติ ส่งลูกศิษย์ที่เก่งที่สุดไปพบพระพุทธเจ้าเพื่อดูว่าเกียรติศัพท์
อันงามของพระพุทธเจ้าเป็นจริงอย่างไรมีลักษณะของมหาบุรุษตามตำราพราหมณ์หรือไม่
ลูกศิษย์คนนี้ชื่ออัมพัฏฐมาณพ
มีความโอหังพยองว่าตัวเองเรียนรู้ทุกอย่างจากอาจารย์แล้วก็ไม่เคารพ พระพุทธเจ้า
เมื่ออาจารย์ใช้ก็พาพวกไป
พอไปพบก็ไม่ให้ความเคารพเดินบ้างยืนบ้างคุยกับพระพุทธเจ้าซึ่งนั่งอยู่
พระพุทธเจ้าบอกว่าควรใส่ใจกับการศึกษาจากพระองค์
ก็โกรธและเริ่มดูถูกโคตรของพระพุทธเจ้าก่อนออกบวช
ว่าต่ำกว่าตัวเองซึ่งเป็นพราหมณ์ถึง3ครั้ง
ตรงนี้น่าแปลกว่าทำกริยาอย่างนี้ไม่น่าจะรอดพ้นนรกตั้งแต่แรก
แต่พระพุทธเจ้าก็ยังเมตตาซักถามถึงโคตรของอัมพัฏฐมาณพบ้างซึ่งแท้จริงเป็นโคตรของทาสี
ในตระกูลศากยะ แต่อัมพัฏฐมาณพก็อึกอักไม่ตอบ
จนพระพุทธเจ้าบอกว่าถ้าไม่ตอบศรีษะจะแตกเป็น7เสี่ยง
ยักษ์ปรากฎตัวรอดูว่าจะตอบหรือไม่ถ้าไม่ตอบจะใช้กระบองตีศรีษะให้แตกตามคำพูดพระพุทธเจ้า
(หลายครั้งที่พบในพระไตรปิฎกเมื่อพระพุทธเจ้าบอกหรือห้ามแล้วไม่ปฎิบัติตามมักจะพบกับจุดจบเสมอ)
อัมพัฏฐมาณพตกใจกลัวจึงตอบยืนยันไปตามจริงว่าโคตรตนเองเป็นเช่นนั้น
พวกที่ตามไปด้วยก็ดูถูกเพราะหลงเชื่อแต่แรก
พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เห็นว่าสำหรับคนที่ติดยึดถือเรื่องโคตร
โคตรกษัตริย์นับว่าประเสริฐสูงสุดและสูงกว่าพราหมณ์ด้วยการไล่เรียงถามตอบด้วยการยกตัวอย่างต่างๆ
จน อัมพัฏฐมาณพ ยอมรับ แล้วก็ชี้ให้เห็นต่อว่า
สำหรับสิ่งที่ดีกว่าเหนือกว่าโครตกษัตริย์ก็คือผู้ที่มีวิชชา และจรณะ
เป็นธรรมดาที่อัมพัฏฐมาณพย่อมอยากได้โคตรที่ดีกว่าทาสี
ดีกว่ากษัตริย์ยิ่งพอใจ จึงตั้งใจซักถามต่อว่าวิชชา และ จรณะ มีได้อย่างไร
พระพุทธเจ้าจึงได้สอนเรื่องศีล
การชำระจิตให้พ้นจากนิวรณ์ รูปฌาน ๔ วิชชา
๘ วิปัสสนาญาณ มโนมยิทธิญาณ อิทธิวิธญาณ ทิพยโสตญาณ เจโตปริยญาณ
ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ ทางเสื่อมวิชชาและจรณะ ๔
จากนั้นก็เปรียบเทียบว่า
อัมพัฏฐมาณพเพียงแต่ท่องตามๆอาจารย์มาการประพฤติปฎิบัติยังไม่มีเลยแม้เพียงเคารพบูชาผู้ที่มีวิชชา
จรณะก็ยังไม่ทำ รวมทั้งตัวอาจารย์ของอัมพัฏฐมาณพก็เช่นกัน
เมื่อเทศนาเสร็จแล้วก็เสด็จออกมาเดินจงกรม
ซึ่งอัมพัฏฐมาณพก็ได้สังเกตมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการอย่างดีแล้วจึงลากลับไป
อาจารย์พราหมณ์โปกขรสาติรอฟังข่าวอยู่พอทราบเรื่องทั้งหมดก็โกรธ
ขัดใจใช้เท้าปัด
อัมพัฏฐมาณพแล้วเร่งไปพบพระพุทธเจ้าในวันรุ่งขี้นพร้อมทั้งขอโทษที่อัมพัฏฐมาณพทำตัวเช่นนั้นพร้อมทั้งสังเกตมหาปุริสลักษณะ
๓๒ ประการอย่างดีแล้วนิมนต์พระพุทธเจ้าให้ไปฉันที่บ้านจึงลากลับไป
เรื่องนีั้จบลงด้วยพราหมณ์โปกขรสาติแสดงตนเป็นอุบาสกตลอดชีวิตเมื่อพระพุทธเจ้าแสดงธรรมเรื่องอริยสัจจ
4 ให้ฟัง
เรี่องนี้แสดงฤทธิ์ของพระพุทธเจ้าโดยวิธีใช้คำพูดให้คนเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนดีขึ้นมาได้โดยไม่ต้องใช้
อิทธิปาฎิหารย์ซึ่่งเป็นวิธีที่ทรงห้ามด้วยเพราะเห็นว่าไม่เกิดประโยชน์กับผู้ฟังคำสอน
ได้เห็นความลำบากของพระพุทธเจ้าที่ต้องเผชิญกับการท้าทาย ยโส โอหังจากเด็กหนุ่ม
และเห็นมหากรุณาของพระองค์ที่ยังคงโปรดสัตว์แม้ว่าสัตว์จะประสงค์ร้ายต่อพระองค์
อีกทั้งยังเป็นบทเรียนที่ดีในเรื่องการถึอตัวตัวยศ
ตระกูลต่างๆที่เราก็ยังเห็นกันอยู่แม้ในปัจจุบัน
@นั่งเก้าอี้?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น