ความ เพียร ถูก ทาง หรือ ยัง


เราตั้งความเพียรเพื่อทำอะไรบ้างอย่างให้สำเร็จ จะลดความอ้วน ออกกำลังกายเป็นประจำ ทำโปรเจคให้เสร็จ จีบใครสักคน สร้างฐานะ เรียนรู้โปรแกรมใหม่ ทุกอย่างต้องใช้ความเพียรเป็นองค์ประกอบแห่งความสำเร็จ ในมรรค 8 ความเพียรชอบก็เป็นหนึ่งที่จะทำให้พ้นทุกข์ แต่ก็มึรายละเอียด ที่ว่าต้องเป็นความเพียรชอบ อย่างไรจึงเป็นความเพียรชอบที่ว่า

สำหรับผู้ปฎิบัติเพราะอาจมึเรื่องเข้าใจผิดอยู่ ทั่วไปก็มักจะเข้าใจว่าความเพียรกับความหวังความปรารถนาเป็นเรื่องเดียวกัน การตั้งความหวัง ความปรารถนาใดอาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเพียรเลย ยกตัวอย่างเช่นตั้งความหวังไว้ว่าจะสอบให้ได้ด้วยการอ้อนวอนร้องขอเทวดาเอาแต่ตั้งความหวังความปรารถนาไว้อย่างนั้น ก็ไม่มีองค์ประกอบใดที่เป็นเหตุผลว่าจะประสบความสำเร็จเพราะตั้งความหวังไว้เพียงอย่างเดียวแต่ถ้าเพียรด้วยการอ่านหนังสือศึกษาสอบถามให้มาก ทำความเข้าใจในเนื้อหา ทดสอบตัวเองสม่ำเสมอ ล้วนเป็นการสร้างปัจจัยอยู่บ่อยๆเพื่อให้ประสบความสำเร็จด้วยการกระทำอย่างต่อเนื่อง มีวินัยทำอยู่ได้อย่างนั้นแม้มีอุปสรรคใดๆ ด้วยการทำเช่นนี้แม้จะไม่มีการตั้งความหวังความปรารถนาใดๆ สิ่งที่เพียรทำต้องก่อเกิดผลเป็นความสำเร็จในวันใดวันหนึ่ง เหมือนที่พบในพระไตรปิฎกว่าแม่ไก่กกไข่จะตั้งความปรารถนาหรือไม่เมื่อเหตุปัจจัยประกอบกันครบแล้วลูกไก่ก็ออกจากไข่มา เราปลูกมะม่วงจะตั้งความหวังหรือไม่ถ้ารดน้ำพรวนดินดูแลต้นไม้ไป จะได้ลูกมะม่วงเมื่อไหร่อย่างไรกิ่งไหนก็จะได้ตามเหตุปัจจัยไม่ได้เกิดจากการตั้งความหวังหรือการร้องขอใด

เรื่องที่เข้าใจผิดอีกอย่างที่ว่าตั้งความเพียรชอบนั้นไม่เฉพาะเจาะจงในความเพียรนั้น ศาสนาพุทธมีความเฉพาะเจาะจงเรื่องนี้ก็เคยพูดไว้หลายครั้งในบทความอื่น ดังนั้นความเพียรชอบในมรรค 8 ก็ไม่ใช่ความเพียรในการสวดมนต์ ความเพียรในการให้ทาน ความเพียรในการทำบุญตามประเพณี แต่การทำภาระต่างๆเหล่านั้นถ้าตั้งความเพียรไว้ถูกต้องขณะที่กำลังปฎิบัติอยู่นั้นก็จะเป็นการตั้งความเพียรชอบเช่นกัน

การตั้งความเพียรนั้นให้ประโยชน์และโทษขึ้นอยู่กับผู้ตั้งความเพียรไว้อย่างไรเช่นตั้งใจจะปล้น ทำร้ายเบียดเบียนผู้อื่น เฝ้าคอยคิดวางแผนการ ติดตามเพื่อจะทำร้ายผู้อื่น หรือเช่นกันแม้ไม่ได้ตั้งความปรารถนาใดแต่กระทำอยู่เป็นประจำจนเกิดความชำนาญเช่นการเล่นเกม การเป็นนักเลงยา การพนัน การมัวเมาในกามต่างๆ เมื่อทำบ่อยก็เป็นการเพียรพยายามอยู่จนท้ายสุดผลก็จะต้องเกิดตามมา ความสำคัญที่ว่าต้องตั้งความเพียรชอบจึงควรเข้าใจให้ดีเพราะถ้าปฏิบัติแล้วเสียเวลาไปเป็นโทษอย่างหนึ่ง ปฏิบัติแล้วไปสร้างสมความเพียรในทางเลวก็จะเกิดผลกรรมชั่วตามมาเป็นโทษซ้ำกว่าจะกลับมาถูกทิศทางต้องรื้อต้องถอนของเก่าของเลวที่สะสมไว้ออกไปทีละน้อย

พระสูตรบทนี้คือการตั้งความเพียรชอบไม่ว่าจะนั่ง เดิน ยืน นอนตื่นอยู่ การตั้งความเพียรเพื่อละวิตก(ความหมายของวิตกอ่านได้จากบทความเรื่องวิตกด่านหินแรก) วิตกต่างๆเช่น วิตกในพยาบาท วิตกในกาม วิตกในการเบียดเบียนผู้อื่น ถ้าไม่ตั้งความเพียรเพื่อละสิ่งนี้ มีความเกียจคร้านไม่ทำเป็นประจำสม่ำเสมอ ไม่มีความเกรงกลัวต่อวิตกเหล่านี้ เกลือกกลั้วกับสิ่งเหล่านี้เป็นประจำ ก็อยากที่ละจะหลุดจากกาม พยาบาท การเบียดเบียนทั้งปวง เป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับผู้ปฎิบัตินี้จะเป็น ศีล สมาธิ หรือ ปัญญาในอีกนัยหนึ่งความเพียรชอบนี้ก็จะไม่แตกต่างออกไปแต่ความสำคัญต้องปฏิบัติต่อเนื่องตลอดเวลาที่ตื่น
จาก http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=21&A=306&Z=346

ความเพียรเพื่อจะละจะออกจากวิตกเหล่านี้แม้ปฎิบัติงานใดๆอยู่ ในสภาวะเดินยืนนั่งนอนก็จะยังคงทำอยู่ เมื่อเป็นเช่นนั้นอยู่สม่ำเสมอ กิเลส ความยึดมั่นถือมั่นนิสัยสันดานเดิมที่หมักหมมอยู่ก็จะละจะคลายออก สิ่งนี้จึงเป็นความเพียรชอบที่ต้องทำความเข้าใจ  หลายสิ่งหลายวิธีที่ผู้ปฎิบัติเฝ้าเพ่งเฝ้าติดตามอยู่ลองดูพิจารณาดูว่าเป็นการตั้งความเพียรในการละวิตกต่างๆหรือไม่หรือกลายเป็นการตั้งความหวังว่าเมื่อเพ่งสิ่งนี้อยู่แล้วทุกข์จะไม่เกิด แต่ตัวตนยังคอยอยู่เพื่อรับทุกข์เป็นวิตกในทางเบียดเบียนตนเองเป็นหลัก ท้ายสุดก็ไม่ได้ละวางอะไรออกไปจากใจเลยกลับสร้างตัวตนเพิ่มติดเป็น ทิฐิ มานะไปต่อความทุกข์ก็ซ่อนรออยู่อย่างนั้นมองไม่เห็นความเป็นจริงไม่เกิดปัญญาใดๆ

ความเพียรชอบนี้เมื่อเข้าใจแล้วในนาทีแรกที่สำนึกละวางวิตกออกไปได้อย่างเหมาะสมความทุกข์ความหนักทั้งหลายจะหายไปตอนนั้นเองเลยไม่ต้องรออะไรอีก ที่นี้ก็เหลือแต่ค่อยๆทำไปสังเกตละวางไปจนถอนรากถอนโคนความหมักหมมที่เพียรมาผิดตลอดที่ผ่านมา ละความทุกข์ออกไปไม่กลับมาอีกในที่สุด เมื่อความเพียรชอบแล้วตนเองนั่นแหละจะรู้เอง ความโกรธ ความโลภ ความหลง ลดลงหรือไม่ในแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปี บอกตัวเองได้ พอละวิตกก็เห็นทุกข์หายไปทุกครั้งทันทีเลย เห็นไหม ลองดูไหม

@นั่งเก้าอี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น